วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สถิติค่าผ่านประตู/ของที่ละลึก ไทยลีก



เกาะขอบสนามไทยลีก // เช็กสถิติจากตัวเลขทางการตลาด
การแข่งขันฟุตบอลลีกสูงสุดในฤดูกาลนี้ของประเทศไทย นับว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะหลายทีมเริ่มจัดการบริหารทีมของตัวเองได้เป็นอย่างดี จริงอยู่ที่การแข่งขันฟุตบอลไทยลีกจะจัดมาทุกปี แต่ถ้าพูดกันตามตรงก็แล้วคือหลงทางมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้นอกจากจะมาถูกทางแล้ว ทุกทีมยังใส่เกียร์ห้าเดินหน้าไม่มีหยุด เพราะเริ่มรู้แล้วว่าควรจะทำอย่างไรให้สโมสรหรือองค์กรของตัวเองอยู่รอดและเป็นที่รู้จักแก่คนหมู่มาก ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าการขายของที่ระลึกและเก็บบัตรเข้าชมฟุตบอล คือการหารายได้เข้าคลังของสโมสรได้ดีที่สุด ซึ่งทีมไหนมีฐานแฟนบอลที่หนาแน่นและมั่นคง ก็จะมีรายรับที่เข้ามาตลอดทุกสัปดาห์ โดยเฉพาะเกมในบ้าน ที่นอกจากจะขายให้แฟนบอลของตัวเองแล้ว แฟนบอลทีมเยือนก็เป็นกลุ่มเป้าหมายชั้นดีที่ทีมจะได้รายรับตรงส่วนนี้เหมือนกัน และวันนี้เราจะมาดูกันว่าสโมสรไหนที่ได้รายรับจากการขายบัตรเข้าชมรวมถึงขายของที่ระลึกได้เยอะที่สุดโดยเทียบจากเกมในบ้านเท่านั้น ส่วนทีมไหนที่ได้รายได้ส่วนนี้น้อยอย่างน่าใจหาย เลก สองนี้คงต้องบริหารทีมกันใหม่ ยังมีเวลาอีกหลายนัด ให้ได้ดูดเงินจากแฟนบอลเข้าคลัง!!!


เต็ดอันดับ 16 จุฬา ยูไน (194,350 บาท) ''จามจุรี'' จุฬา ยูไนเต็ด เป็นทีมที่มีอัฒจันทร์รองรับแฟนบอลได้มากเป็นอันดับต้นๆ ของไทยพรีเมียร์ลีก ซึ่งยามใดที่ทักนักเตะจุฬาลงเตะในบ้าน จะไม่มีว่างนั่งว่างให้เห็น เพราะมีแต่ที่นอน ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกที่ครองอันดับบ๊วยเรื่องการตลาดไป โดยทีม ''ลูกพระเกี้ยว'' นอกจากจะเก็บค่าบัตรผ่านเข้าชมได้น้อยแล้ว ค่าขายของที่ระลึกนี่แหละที่เป็นปัญหาใหญ่ของทีม ซึ่งเลกแรกนี้ได้ลงเล่นในบ้าน 7 เกม ขายของที่ระลึกได้เพียง 2,000 บาท เรียกได้ว่ากำไรที่ขายได้มีราคาเท่ากับ ''เช็คช่วยชาติ'' ที่รัฐบาลเอามาแจกเลยทีเดียว ก็ได้แต่หวังว่าเลกสองนี้สโมสรและเหล่ากองเชียร์จะช่วยกันสนับสนุนทีม ทั้งในสนามและนอกสนาม เพราะใจจริงแล้วไม่อยากเห็นทีมนี้ตกชั้นไปเลย สงสารสาวๆ


อันดับ 15 ทีทีเอ็ม สมุทรสาคร (348,720 บาท) ถือเป็นทีมที่พุ่งพรวดขึ้นมาอยู่ครึ่งบนของตารางได้อย่างน่าใจหาย สำหรับ ''สิงห์อมควัน'' ทีทีเอ็ม สมุทรสาคร ที่เลกแรกนี้ได้ลงเล่นในบ้านถึง 8 เกม แต่เก็บค่าบัตรผ่านประตูได้แค่ 309,040 บาท อาจเป็นเพราะนัดหลังๆ ทีมออกไปเยือนบ่อย เกมนัดเหย้าเลยไม่ค่อยได้กำไรตรงส่วนนี้เท่าไหร่ แต่ถึงกระนั้นก็ตามค่าขายของที่ระลึก สมุทรสาครก็ขายได้เพียง 39,680 บาท ซึ่งถือว่าน้อยเป็นอันดับที่ 2 ในส่วนของของที่ระลึก รองจากจุฬาซึ่งเลกสองยังมีให้สโมสรได้แก้ไขและปรับปรุงให้ดีขึ้น เชื่อว่าผลงานในสนามนี่แหละจะเป็นตัวดึงดูดรายได้ตรงนี้เข้ามาแน่ๆ


อันดับ 14 โอสถสภา เอ็ม-150 (378,220 บาท) อยากจะอุทานออกมาเป็นภาษามาดากัสการ์ ว่า ''อุ๊ย ตาย ว้าย กรี๊ด'' เพราะทีมอย่าง ''พลังเอ็ม'' โอสถสภา เอ็ม-150 เนี่ยนะ จะครองอันดับ 14 แต่เป็นอย่างนั้นจริงๆ โดยโอสถฯเก็บค่าบัตรผ่านประตูได้เพียง 288,470 บาท และค่าขายของที่ระลึก 89,750 บาท ซึ่งถือว่าน้อยมากๆ เมื่อดูจากชื่อเสียงและฐานแฟนบอลของทีม แต่อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะทีม ''พลังเอ็ม'' เพิ่งได้ลงเตะในบ้านไปแค่ 6 นัดเท่านั้น ถือว่าน้อยที่สุดในจำนวน 16 ทีม จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่โอสถฯ จะรั้งอันดับที่ 14 ซึ่งเลกสองนี้สโมสรมีเวลาเตรียมสินค้าและรองรับที่นั่งให้แฟนบอลได้เข้ามาอุดหนุนถึง 9 นัด อยู่ที่ฝ่ายบริหารของทีมแล้วล่ะ ว่าจะขายอะไรและราคาเท่าไหร่ ดีไม่ดี ค่าขายของที่ระลึกอาจได้มากกว่าเงินรางวัลที่ทีมแชมป์ไทยลีกจะต้องได้เสียอีก (ก็ว่ากันไป)


อันดับ 13 แบงค็อก ยูไนเต็ด (383,120 บาท) ทีม ''สิงห์กล้วยน้ำไท'' แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ผลงานไม่เทพดั่งชื่อ โดยเลกแรกนี้ใช้รังเหย้าถึง 2 ที่ เลยหาจุดลงตัวไม่ค่อยได้ซักที ทำให้ครึ่งฤดูกาลแรกนี้เก็บค่าบัตรผ่านได้เพียง 246,120 บาท เท่านั้นอาจเป็นเพราะแมตช์แรกที่ได้เตะในบ้าน สโมสรคิดใจป้ำเลยเปิดสนามให้แฟนบอลเข้าชมฟรีซะอย่างนั้น ทีมเลยทำยอดขายบัตรได้น้อย ขณะที่ของที่ระลึกสโมสรยังคงทำตัวเลขได้ถึงหลักแสน ก็ถือว่าโอเค แต่เมื่อเทียบกับอดีตที่เคยเป็นแชมป์ไทยลีกและสนามเหย้าที่อยู่ในมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านแล้ว ยังถือว่าทำยอดได้น้อยอยู่


อันดับ 12 บีอีซี เทโรฯ (622,190 บาท) นี่ก็เป็นอีกทีมที่อยากจะอุทานออกมาดังๆ แถมเมื่อเช็กจากจำนวนที่ได้เตะในบ้านแล้ว ก็ยิ่งอยากแหกปากอุทานให้ดังขึ้นไปใหญ่ เพราะทีม ''มังกรไฟ'' บีอีซี เทโรศาสน ได้ลงเล่นในบ้านถึง 7 นัด แต่กลับขายบัตรเข้าชมได้เพียง 410,190 บาท เท่านั้น ขณะที่ของที่ระลึกก็ขายได้แค่ 212,000 บาท จริงอยู่ที่ตัวเลขทั้งสองรายการอยู่ในหลักแสน แต่ถ้าดูจากจำนวนแฟนบอลและชื่อเสียงของนักเตะในทีมแล้ว เทโรฯ สอบตกในเรื่องของการตลาด หรือว่าเป็นทีมที่มีเงินถุงเงินถังอยู่แล้วก็ไม่รู้ สโมสรเลยไม่ซีเรียสเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่ถึงอย่างไรยี่ห้อเทโรฯ ซะอย่าง ก็น่าจะทำได้ดีกว่านี้น่า!!!


อันดับ 11 ศรีราชา เอฟซี (687,110 บาท)
อันดับ 11 เป็นของศรีราชา เอฟซี ทีมดังจากเมืองทะเล ซึ่งเลกแรกนี้เก็บค่าบัตรผ่านประตูได้ถึง 465,510 บาท และขายของที่ระลึกได้ 221,600 บาท นับว่าใช้ได้ทีเดียว เพราะใน จ.ชลบุรี มีสโมสรลงเล่นไทยลีกถึง 3 ทีม ดังนั้นจะมีแฟนบอลซักกี่คน ที่หลุดมาเชียร์ศรีราชา ฉะนั้นเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว คนชลบุรีก็อย่ารีรอที่จะเข้ามาอุดหนุนทีมในจังหวัดตัวเอง หรือต้องให้ไปรวมเป็นทีมเดียวกันให้หมดดีหนอ จังหวัดนี้จะได้มีเงินสะพัดทั้งเรื่องของการท่องเที่ยวและกีฬา


อันดับ 10 นครปฐม เอฟซี (764,800 บาท) เข้าสู่ท็อปเทน และทีมแรกที่เข้าป่ายมาทีมจากภูธร นั่นคือ ''หมูป่าเขี้ยวตัน'' นครปฐม เอฟซี โดยทีมจากเมืองส้มโอที่ทำผลงานในสนามได้แบบชนิดที่ว่า 3 วันดี 4 วันไข้ โดยอาศัยนักเตะพื้นเพของตัวเองเป็นตัวดึงดูดแฟนบอลให้เข้ามาเชียร์ในสนาม โดยเก็บค่าบัตรผ่านประตูได้ถึง 498,500 บาท จาก 7 เกม ส่วนของที่ระลึกได้ 266,300 บาท ถือว่าเยอะพอตัวทีเดียว ซึ่งเลกแรกนี้ถือว่าผ่านฉลุย แต่เลกสองคงต้องทำการบ้านหนักหน่อย เพราะทีมเพิ่งจะเสียดาราสำคัญอย่าง ไมเคิ่ล เบิร์น ไป โดยหลักวิชาการตลาดของทีมนครปฐมจะดีหรือไม่ดี ครึ่งฤดูกาลหลังนี้คงให้คำตอบได้


อันดับ 9 สมุทรสงคราม (978,120 บาท) ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าทีมอย่าง ''ปลาทูคะนอง'' สมุทรสงคราม จะทำยอดรายรับนอกสนามได้มากถึงเพียงนี้ เพราะดูจากผลงานของทีมที่กระท่อนกระแท่นเหลือเกิน แต่สุดท้ายก็เอาตัวรอดมาได้ ซึ่งต้องบอกว่าแฟนบอลของทีมนี้สุดยอดกันจริงๆ ยืนอยู่ข้างทีมตลอดไม่ว่าสโมสรจะอยู่ในสถานการณ์ใด เพราะอย่างนี้นี่เองทำให้ทีม ''แม่กลอง'' รับรายได้จากการขายบัตรเข้ากระเป๋าไปเต็มๆ ถึง 565,580 บาท แต่ขายบัตรอย่างเดียวก็ยังไม่พอ เลยรับทรัพย์จากการขายของที่ระลึกไปอีก 415,540 บาท เบ็ดเสร็จก็เฉียดล้าน เมื่อเห็นตัวเลขอย่างนี้แล้ว เลกสองนี้สมุทรสงครามคงต้องรีบโกยรายได้ตรงนี้เข้ามาให้ได้เยอะๆ จะดีกว่า ส่วนในสนามค่อยว่ากันอีกที


อันดับ 8 ทีโอที (1,086,300 บาท) ทีม ''ฮัลโหล'' ทีโอที ทำการตลาดอย่างแรกในฤดูกาลนี้ด้วยการย้ายสนามเหย้าจากกรุงเทพฯ ไปอยู่ จ.กาญจนบุรี เพื่อเรียกแฟนบอลต่างจังหวัด ซึ่งต้องบอกว่าเป็นการทำการตลาดที่ชาญฉลาดและได้ผลสุดๆ เพราะทีโอที ได้ค่าบัตรผ่านประตูถึง 781,300 บาท แถมยังขายของที่ระลึกให้แฟนบอลโดยเฉพาะสาวๆ ไปได้อีก 305,000 บาท เห็นตัวเลขอย่างนี้แล้ว ไม่รู้ผู้บริหารของทีโอทีและเจ้าของสนามกลีบบัว จะยังคิดย้ายไปอยู่ที่ใหม่อีกรึเปล่า


อันดับ 7 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (1,192,540 บาท) จะว่าไปแล้วการเห็นทีมอย่างการไฟฟ้าฯ อยู่ในอันดับที่ 7 เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอยู่ก็น่าจะได้ เพราะทุกครั้งที่ได้เล่นในบ้าน แฟนบอลจาก จ.อยุธยา จะแห่กันเข้าไปเชียร์ทีมของตนเองกันจนแน่นสนาม แต่ไฉนกลับเก็บค่าบัตรผ่านประตูได้ไม่ถึงล้าน โดยเก็บได้เพียง 898,540 บาท และขายของที่ระลึกได้แค่ 294,000 บาท ซึ่งบอกตามตรงว่าระดับทีมที่เป็นแชมป์เก่าและมีนักเตะซูเปอร์สตาร์หลายต่อหลายคนอยู่ในทีม การเห็นตัวเลขรวมได้เท่านี้ น่าเป็นห่วงจริงๆ สำหรับทีม ''จอมช็อต''


อันดับ 6 พัทยา ยูไนเต็ด (1,286,598 บาท) ผลงานในสนามของ ''โลมาฟ้า-ขาว'' พัทยา อาจจะลุ่มๆ ดอนๆ ไปหน่อย แต่เพราะมีแฟนบอลที่น่ารักหนุนหลังอยู่ ทำให้นักเตะเริ่มเร่งฟอร์มเก่งออกมาทีละน้อย ขณะที่นอกสนามแฟนบอลก็ยังคงอุดหนุนสินค้าของสโมสรอยู่ตลอด โดยเลกแรกนี้พัทยารับทรัพย์จากการขายของที่ระลึกเข้ากระเป๋าไปเหนาะๆ 421,198 บาท และขายบัตรได้อีก 865,400 บาท ไม่รู้ว่าเลกสองนี้จะโกยกำไรเข้าคลังได้อีกมากน้อยเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆ อย่าลืมแก้ไขผลงานในทีมให้ดีขึ้นด้วยละกัน เดี๋ยวจะหาว่าหล่อไม่เตือน


อันดับ 5 บางกอกกล๊าส (1,312,545 บาท) ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไรที่เราจะเห็นทีม ''กระต่ายแก้ว'' บางกอกกล๊าส อยู่ในอันดับที่ 5 เพราะผู้บริหารของทีมส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจซึ่งมีหัวเรื่องของการตลาดอยู่แล้ว ดูได้จากการเอาสาวๆ มาใส่หูกระต่าย แล้วยืนดูบอล แค่นี้ก็เรียกผู้ชมให้เข้ามาในชียร์สนามได้มากโขแล้ว โดยเฉพาะของที่ระลึกนอกสนาม ที่ขายได้ส่วนหนึ่งมาจากสาวๆ ''แร็บบิตเกิร์ล'' นี่แหละ แต่ถ้าจะให้แนะนำในฐานะแฟนบอลคนหนึ่ง ขอแนะนำว่าให้เอาเสื้อที่สาวๆ หูกระต่ายใส่เชียร์แต่ละนัด มาประมูลซะ รับรองว่าทะลุเป้าแน่ๆ


อันดับ 4 การท่าเรือไทย (1,462,217 บาท) ''เรากำลังจะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ทั้งในและนอกสนามคืน'' นี่คือคำพูดจากปากของแฟนบอลจากย่านคลองเตย เหตุที่พูดเช่นนี้เพราะมีเหตุผลประกอบ นั่นคือจำนวนผู้ชมที่เข้ามาอยู่ในสนามทุกนัดที่ ''สิงห์เจ้าท่า'' ลงเตะในบ้าน ซึ่งต้องบอกว่าพวกเขากำลังจะกลับมาจริงๆ โดยการท่าเรือฯ สามารถเก็บค่าบัตรผ่านประตูได้ถึง 916,600 บาท เรียกได้ว่าเยอะกว่าทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งถ้าทีมทำผลงานในสนามได้ดีกว่านี้อีกนิดหนึ่ง รับรองว่าเลกสองค่าบัตรผ่านประตูจะหลุดเลยไปถึงหลักล้านเป็นแน่


อันดับ 3 เมืองทอง ยูไนเต็ด (1,965,434 บาท) ''กิเลนผยอง'' เมืองทอง ยูไนเต็ด แม้นัดสุดท้ายในบ้านจะทำได้แค่เสมอกับทีทีเอ็ม สมุทรสาคร แบบไร้สกอร์ แต่เรื่องของหลังเกมเป็นสิ่งที่แฟนบอลทุกคนรอคอย เพราะทางสโมสรได้มีการเอาเสื้อพร้อมลายเซ็นของนักเตะดังๆ ในทีม สตั๊ด และของอื่นๆ อีกมากมาย มาให้แฟนบอลกระเป๋าหนักได้ประมูลกันอย่างจุใจ ส่วนเรื่องค่าขายของที่ระลึกไม่ต้องพูดถึง เพราะขายได้ถึง 919,343 บาท และบัตรผ่านประตูอีก 1,046,000 บาท นี่ยังไม่รวมของที่แฟนบอลประมูลกันอีก เบ็ดเสร็จก็เหยียบสองล้านกว่าบาท ยิ่งเลกสองนี้จะมีทีมอย่างชลบุรี, บีอีซี เทโรฯ และบางกอกกล๊าส มาเยือนถิ่นธันเดอร์โดม ด้วยแล้ว ผู้บริหารในทีมคงมีเรื่องให้ปวดหัวอีกแน่ เพราะไม่รู้จะเอาเงินไปไว้ที่ไหนดี


อันดับ 2 ราชนาวี-ระยอง (2,118,700 บาท) ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าทีมรองแชมป์ของการจัดอันดับทีมยอดเยี่ยมเรื่องการตลาด จะเป็นของ ''ตะหานน้ำ'' ราชนาวี-ระยอง ทีมที่อยู่อันดับรองบ๊วยในตารางไทยลีกเมื่อจบเลกแรก ซึ่งถ้าพูดถึงเรื่องของการตลาดอย่างเดียว แน่นอนว่าราชนาวี สอบผ่านแบบฉลุย เพราะเก็บค่าผ่านประตูได้ถึง 1,413,700 บาท และขายของที่ระลึกได้ 705,000 บาท เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้ผู้บริหารของทีมไปเต็มๆ แต่แฟนบอลบางคนบอกว่า ''ไหนๆ ก็ซื้อเสื้อแล้ว ก็อย่าให้ผมต้องใส่ไปเชียร์ในดิวิชั่น 1 เลยนะครับ''


อันดับ 1 ชลบุรี เอฟซี (3,149,992 บาท) เป็นไปตามความคาดหมายที่แชมป์เรื่องการตลาดจะเป็นของทีมจาก ''เมืองน้ำเค็ม'' เพราะเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วและดูไม่มีทีท่าว่าจะตกอันดับเลย สำหรับ ''ฉลามชล'' ชลบุรี โดยเริ่มทำการตลาดตั้งแต่ก่อนเปิดฤดูกาล ด้วยการคว้า ''ซิโก้'' เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือหนุ่มสุดหล่อ มาคุมบังเหียน แถมยังได้นักเตะลูกหม้อเก่าของทีมที่แฟนบอลรักยิ่งกว่าลูกแท้ๆ ของตัวเองอย่าง ''เจ้าคาร์'' เกียรติประวุฒิ สายแวว กับ ''เปรม'' สุรีย์ สุขะ กลับมาเล่นให้ทีมอีก ทำให้ของที่ระลึกชลบุรีเป็นทีมเดียวที่ขายของที่ระลึกได้ทะลุหลักล้าน โดยรับทรัพย์ไปเบาะๆ 1,678,772 บาท โดยเลกสองนี้มีเรื่องให้แฟนบอลได้เสียตังค์อีกแน่ๆ เพราะทีมเพิ่งคว้า ไมเคิ่ล เบิร์น มิดฟิลด์ตัวเก่งจากนครปฐม มาร่วมทีมด้วย ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเสื้อที่สโมสรทำมาขาย จะเพียงพอกับจำนวนแฟนบอลที่ต้องรึเปล่า และทั้งหมดคือตัวเลขการทางการตลาดของแต่ละทีมในครึ่งฤดูกาลแรก ซึ่งเลกสองที่จะระเบิดแข้งกันในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ หลายทีมคงต้องเริ่มทำธุรกิจกันอีก เชื่อว่าบทเรียนจากเลกแรกคงให้ความรู้ได้เป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างไร ผลงานในสนามก็เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะหากมัวแต่ทำธุรกิจนอกสนามแต่อันดับของทีมต้องตกชั้น การตลาดที่ทำมาทั้งฤดูกาล...ก็อาจพังไม่เป็นท่าก็ได้!!

ข้อมูล จากคอบอลไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น